พี่นวยค้าบ ใบ้หวย PAT1 1/2553 หน่อยค้าบตอบ: 26, อ่าน: 2435
ขอสอบออกแล้ว
โหลดได้ที่ http://www.onetresult.niets.or.th/ExamGATPAT/ เลยครับผม
ติดข้อ dcba = 9abcd อ่ะครับ
เวลาเจอ โจทย์ แบบนี้ทำไม่ได้ซะที
ลองแทนไปเรื่อย ๆ แรงก็หมดก่อน
พี่นวยมีเทคนิคอะไรแนะนำเกี่ยวกับโจทย์ประเภทนี้ไหมครับ
ขอบคุณครับ ^^
NayKungStyle
โหลดมาเรียบร้อยครับ ขอเวลาทดสัก.. หลายๆ ชั่วโมงครับ เดี๋ยวมาใหม่ :P
นวย
เต็มที่เลยค้าบ
ผมรอพี่เฉลยที่เดียวเลย หุหุ ^^
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม ^^
NayKungStyle
คืนนี้ไม่ทันซะแล้วครับ เพิ่งทำไป 6 ข้อเอง (434124) ..ขอพรุ่งนี้บ่ายนะคร้าบ
นวย
ขอแอบมาใบ้หวยก่อนพี่นวยนะครับ
43412 | 43341 | 22121 | 24212 | 33341
18 5* 25 0.5 0.5 | 32 6 3 5 1 | 1 53 6 7 44 | 192 520 6 10 7 | 37 7 0 5 2
* 5 หรือ 14/3
ป.ล. ขออนุญาตแก้ไขตามที่ พี่นวย , คุณโกวิทย์, คุณ NayKungStyle และคุณน้าน บอกมาครับ
นู้น
ขอถามคุณนู้นวิธีคิดข้อ 7 ด้วยครับ พอดี คิดได้ไม่ตรงกัน ผมดันได้ข้อ 3
โกวิทย์
ข้อ 7 ผมผิดเองครับ ต้องตอบข้อ 3 ตามที่คุณโกวิทย์บอกครับ
ขอบคุณมากครับ
นู้น
ขอวิธีคิดข้อ 48 หน่อยคับ
ทำไม่เป็นจิง ๆ
TTT^TTT
ข้อ 41 ผมได้ 192 เองอ่า
หายไปไหนครึ่งนึง
T^T
NayKungStyle
ข้อ 48 ผมคิดแบบมึนๆ ไปครับ
โจทย์กำหนดให้ dcba = 9 abcd
ดังนั้นจะเขียนได้ว่า
__ __ __ __
x
9
__ __ __ __
จะเห็นได้ว่า เลขหลักพันของจำนวนด้านบน ต้องเป็นเลข 1 เท่านั้น
(เป็น 0 ไม่ได้เพราะจะไม่เป็นเลข 4 หลัก, เป็นเลขมากกว่านี้จะทำให้ผลคูณเป็นหมื่น)
คูณ 9 ในหลักพันลงมา พบว่าต้องได้ 9 เท่าั้นั้น เกินนี้ไม่ได้
1 __ __ 9
x
9
9 __ __ 1
พิจารณาผลคูณหลักร้อยในตัวตั้ง พบว่าต้องใช้เลข 0 เท่าั้นั้น (เกินกว่านี้จะต้องทดไปบวก ซึ่งจะทำให้ผลคูณเกินหมื่น)
1 0 __ 9
x
9
9 __ 0 1
เลขหลักสิบเกิดจากตัวทดผลคูณหลักหน่วย 8 + (...)(9) = __ 0 จึงได้เลข 8
สรุปได้ว่า
1 0 8 9
x
9
9 8 0 1
ตอบ b = 0 ครับ
นู้น
ข้อ 41 ผมผิดเองครับ ต้องตอบ 192 ตามที่คุณ NayKungStyle บอกครับ
ขอบคุณมากครับ
นู้น
ขอบคุณ คุณ นู้น มากเลยครับ
พี่นวย +ดาว ให้ คุณ นู้น ที
วิธีคิดแหล่มมาก ๆ ครับ
ผมอยากถามหน่อยครับว่า
ถ้าเจอโจทย์ประมาณนี้ควรเริ่มคิดอย่างไรดี
เพราะ ผมเจอบ่อยและมักข้ามเสมอ
ส่วนเพื่อนผมที่ใช้ Mod เป็น
ก็บอกให้ใช้ Mod
ซึ้งผมเรียน ม.ปลาย ธรรมดา
เค้าไม่สอนกันอ่า เหอ ๆ
ขอบคุณ คุณนู้นอีกครั้งครับ
NayKungStyle
มาแล้วคร้าบ.. ขอบคุณน้องนู้น, NayKungStyle, และคุณโกวิทย์ ที่มาช่วยกันคิดนะคร้าบ
ข้อที่พี่นวยได้คำตอบไม่ตรงกับน้องนู้นคือ
ข้อ
25. ไม่มีคำตอบที่ถูก เพราะคำพูดของนาย A, B ที่พูดถึง A นั้นขัดแย้งกันเสมอ
ข้อ
31. คิดได้ ((-4)^4) / 8 = 32 ครับ
ข้อ
46. หรม. ของ 221 และ 260 ได้เท่ากับ 13 ครับ
ลองเช็คดูนะครับ เพราะพี่นวยอาจจะมึนก็ได้ :P
ส่วนข้อ abcd พี่นวยคิดแบบนี้ครับ.. (ไม่รู้เรื่อง mod เหมือนกัน มันคืออะไร - -")
1. พิจารณาที่หลักพัน การคูณ 9 แล้วจำนวนหลักเท่าเดิมแสดงว่า a=1, d=9 แน่นอน
2. ตั้งสมการ 1000d+100c+10b+a = 9(1000a+100b+10c+d)
จากนั้นแทนค่า a และ d ..ก็จะได้ c = 89b+8
แต่ว่า c ต้องเป็นเลขโดด จึงเป็นไปได้เมื่อ b=0 เท่านั้น และได้ c=8 นั่นเองครับ
ป.ล. น้องนู้นได้ดาวเต็ม max ไปแล้วครับ (30) ได้หนังสือพี่นวยฟรีตลอดชีพครับ :P
งานนี้จิ้มให้น้อง NayKungStyle 2 จึ้กคร้าบ.. (ได้หนังสือครึ่งเล่มละ อิๆๆ)
นวย
ขอบคุณพี่นวยด้วยคร้าบบบ
ข้อ 31 ได้ 32 เหมือนกันครับ แหะ ๆ
ลืม Check อีกที
กลับไปคุ้ยมานั่งคิดใหม่
พี่นวย ข้อ 46 ถูกแล้วนา
เพราะเค้าถามว่า ได้กี่กอง ครับผม ^^
ขอแนวคิดข้อ 7 หน่อยสิครับ
ผมคิด 2 รอบ ไม่เท่ากัน เหอ ๆ
งงตัวเอง
ลป หนังสือครึ่งเล่ม คืออะไรหรอค้าบ แหะ ๆ
แอบงง
NayKungStyle
ข้อ 25. ลองคิดแบบมึนๆ ไปแบบนี้ครับ
ดูจากตัวเลือก สรุปได้ว่า B พูดเท็จ
จะได้ "A พูดโกหก" หรือ "C พูดโกหก" (ต้องเป็นจริงอย่างน้อย 1 ประพจน์)
กรณี "A พูดโกหก"
จะได้ "C พูดจริง" หรือ "D พูดจริง" (ต้องเป็นจริงอย่างน้อย 1 ประพจน์)
กรณี "B พูดโกหก" -> "A พูดโกหก" , "C พูดจริง" -> "D พูดโกหก" -> "E พูดจริง" -> "B พูดโกหก" (ใช้ได้)
กรณี "B พูดโกหก" -> "A พูดโกหก" , "D พูดจริง" -> "E พูดโกหก" -> "B พูดจริง" (ขัดแย้ง)
กรณี "B พูดโกหก" -> "A พูดโกหก" , "C พูดจริง" , "D พูดจริง" -> "D พูดโกหก" (ขัดแย้ง)
กรณี "B พูดโกหก" -> "C พูดโกหก" -> "D พูดจริง" -> "E พูดโกหก" -> "B พูดจริง" (ขัดแย้ง)
กรณี "B พูดโกหก" -> "A พูดโกหก" , "C พูดโกหก" -> "C พูดจริง" (ขัดแย้ง)
ดังนั้นเป็นไปได้แบบเดียวคือ A, B, D พูดเท็จ และ C, E พูดจริง
ผมคิดเองเออเองไปหรือเปล่าครับเนี่ย แต่ยังไงขอเปลี่ยนเลขใบ้หวยตามพี่นวยก่อนนะครับ
ข้อ 31. พี่นวยถูกต้องแล้วครับ ต้องตอบ 32 ครับ ขอบคุณพี่นวยด้วยครับ
ข้อ 46. ยืนยันตามคุณ NayKungStyle ครับ
จะว่าไปนี่ PAT1 ถาม หรม. มาสองฉบับติดแล้วนะครับเนี่ย
ข้อ 7. ใช้การมองตัวเลือกพบว่าควรจะแทนค่าหา ab
3 - a
3b แล้วปรับให้เป็น sin4x ครับ
ป.ล. mod นี่มัน modulus (เศษจากการหาร) หรือเปล่าครับ
นู้น
ข้อสอบฉบับนี้โหดดีนะครับ มีทั้งข้อที่กวนๆ และข้อที่ยากๆ หลายข้อเลย :P
ข้อ
7. พี่นวยคิดแบบนี้ครับ
sin 4x = 2 sin 2x cos 2x
= 2 (2 sin x cos x) (cos
2x - sin
2x)
จากนั้นเปลี่ยน sin x เป็น (a+b)/2, เปลี่ยน cos x เป็น (a-b)/2
และเปลี่ยน cos
2x - sin
2x เป็น (-ab)
เท่านี้ก็จะได้คำตอบครับผม..
ข้อ
25. ยืนยันตามน้องนู้นครับ เพราะดูแล้วมีกรณีลงตัวจริงๆ
ที่พี่นวยคิดแล้วไม่ลงตัวเพราะไม่ได้แปลคำว่า "และ" อย่างเข้มงวดครับ
คือดันไปมองว่า ถ้าโกหก ต้องโกหกทั้งสองอย่างเลย ซึ่งที่จริงคงไม่จำเป็น
(รึเปล่า.. หรือว่าต้อง.. ยังงงๆ อยู่แฮะ - -")
ส่วนข้อ
31. (หรม.) พี่นวยพลาดเองล่ะครับ ถึงว่าทำไมข้อนี้สั้นจัง แหะๆๆ :P
ป.ล. เรื่องดาวนี่คือ ใครได้ครบทุก 10 แต้ม จะได้หนังสือพี่นวยส่งฟรีถึงบ้าน 1 เล่มครับ
เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ทำดีแก่สังคม.. อิๆๆๆ
(เดี๋ยวอนาคตจะปรับระบบ เพื่อให้ทุกคนมอบดาวให้แก่กันได้ครับ)
นวย
ข้อ 25. ยังมึนๆ อยู่ครับ แต่ยังไงขอเปลี่ยนเป็นตอบ 1 ตามที่พี่นวยยืนยันครับ
ข้อ 7. วิธีพี่นวยนี่แจ่มจริงๆ ครับ ตอนทำจำกัดเวลาครับเลยเน้นทางที่มันง่ายที่สุดครับ
ป.ล. ว่าแต่ฟรีตลอดชีพเลยเหรอครับพี่นวย (ยังไงก็ยังอุดหนุนอยู่ดีแหละครับ)
นู้น
@คุณนู้น ใช่แล้วครับ เศษจากการหาร
@พี่นวย
โหย สุดยอด
ผมมองพจน์หลังเป็น 1 - 2 cos
2 แล้วก้อมึน
แถมไปจับสมการ ยก 2 ไป ๆ มา ๆ
หา A = kB ซะงั้น คราวนี้เละเลย
ข้อ 25 นี่
ตอนสอบจริง
ข้ามไปเลย
เพราะนั่งมึนอย่างแรง
ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ถามข้อที่เป็นการหา SD หน่อยครับ
ต้องใช้สูตรง NS
2... หรือเปล่าครับ
พอดี นึกไม่ออก ฮ่า ๆ ๆ
NayKungStyle
ฟรีตลอดชีพครับ เฉพาะหนังสือเลขนะ (เผื่อไปเขียนแนวอื่นจะได้อุดหนุนบ้าง 555)
ข้อหา SD มีหลายข้ออ่ะครับ
ถ้าหมายถึงข้อที่มี 60 เพิ่มมา (ที่ตอบ 520) ใช้สูตร s
2 เพื่อหา ซิกม่า x
2 ก่ิอนครับ
ป.ล. พี่นวยใช้เวลาทดนานก็เพราะหาวิธีเขียนเฉลยแบบอ่านรู้เรื่องนี่แหละครับ อิๆๆ
นวย
รบกวนถามแนวคิดข้อ 12 ด้วยครับ คิดออกมาได้ว่า a < 0 แต่ตรง -3
มาจากเงื่อนไขตรงไหน
ขอบคุณครับ
โกวิทย์
ผมมองเป็น
$(\frac{1}{2})^x =\frac{-2 \pm \sqrt[]{4-4a}}{2} $
ซึ่งจะใช้ได้กรณีเดียวคือ
$(\frac{1}{2})^x =-1 + \sqrt[]{1-a} $
จากเงื่อนไข
$0<(\frac{1}{2})^x<1$
จะได้
$0<-1 + \sqrt[]{1-a}<1$
เมื่อจัดรูปก็จะได้คำตอบครับ
นู้น
ขอบคุณคุณนู้น มากครับ พอดีคิดมาถึงตรง discreminant แบบคุณนู้นแล้วไปต่อ
ไม่เป็น เลยคิดแค่กรณีมากกว่า 0 ซึ่งเงื่อนไขต้องเป็นมากกว่าศูนย์ น้อยกว่าหนึ่ง
เพราะเป็นฟังก์ชันลด แบบที่คุณนู้นอธิบาย
ขอบคุณอีกครั้งครับ
ผมคงต้องไปอ่าน math Ebook อีกซัก 5 รอบครับ
โกวิทย์
แถมคำอธิบายข้อ
25. แบบชัดๆ ครับ :P
สมมติเล่นๆ ว่า B เป็นคนพูดจริง ก็จะต้องได้ว่า A กับ C พูดจริงทั้งคู่
แต่ถ้า A นั้นพูดจริง ก็หมายความว่า C ต้องพูดโกหก..
กรณีนี้เกิดความขัดแย้ง เป็นไปไม่ได้.. ดังนั้น B ไม่ใช่คนพูดจริงแน่นอน!
เรารู้ว่า B พูดโกหก ก็แสดงว่า E นั้นพูดจริง
เมื่อ E พูดจริง ก็แสดงว่า D นั้นพูดโกหก
เมื่อ D พูดโกหก ก็แสดงว่า C นั้นพูดจริง
เมื่อ C พูดจริง ก็แสดงว่า A นั้นพูดโกหก
เมื่อ A พูดโกหก ก็แสดงว่า B นั้นพูดโกหกด้วย
จึงตอบ ข้อ 1. ด้วยประการฉะนี้คร้าบ..
ป.ล. เพิ่งสังเกตคำว่า "พูด" สะกดตลกดีนะครับ เราพูดกันทุกวันแต่ไม่ค่อยเห็นคำว่าพูดเลย :]
นวย
ขอบคุณพี่นวย อีกครั้งครับ
ขอวิธีทำข้อ 42 หน่อยสิครับ
ผมติดค่า N กับ x
2 แล้วไปต่อไม่ถูกอ่ะครับ
ขอบคุณครับ
NayKungStyle
ข้อ 12. สามารถอธิบายเรื่องขอบเขตแบบลวกๆ ได้อย่างนี้ครับ
$0<x<\infty$
$(\frac{1}{2})^\infty<(\frac{1}{2})^x<(\frac{1}{2})^0$
$0<(\frac{1}{2})^x<1$
ข้อ 25. ขอบคุณพี่นวยมากๆ ครับ กำลังนึกเลยว่าข้อนี้จะมีวิธีอธิบายแบบไม่มึนหรือเปล่า
ป.ล. เรื่องคำว่า "พูด" ผมเห็นด้วยครับพี่นวย ตอนที่พิมพ์ยังคิดเลยว่ามันสะกดอย่างนี้จริงๆ เหรอ
นู้น
ข้อ 42.
ใช้สูตร
$\bar{x}$ รวม จะได้
$70=\frac{72N+60}{N+1}$
จะได้ N เดิม (ก่อนเพิ่มข้อมูล) = 5
ใช้สูตร V จะได้
$600=\frac{\sum{x^{2}}}{5}-72^{2}$
จะได้
$\sum{x^2}$ เดิม (ก่อนเพิ่มข้อมูล) = 28920
ดังนั้น V ใหม่ จะได้จาก
$V=\frac{28920+60^{2}}{5+1}-70^{2} = 520$ ครับ
นู้น
รวดเร็วทันใจจิง ๆ
ขอบคุณ คุณนู้น อีกทีครับ
ต้องกลับไปฝึกทำโจทย์อีกกี่ล้านข้อเนี่ย
ถึงจาไม่ติดโจทย์แบบนี้ เหอ ๆ
NayKungStyle
อย่างน้อยถ้าเข้าใจหลักการของข้อนี้แล้ว พอเจออีกครั้งก็สบายขึ้นครับ :]
นวย