กำลังโหลด

    กระทู้ที่ 0436
ถามความน่าจะเป็นครับ
ตั้งกระทู้ใหม่

บทความ#1 : นาย A กับนาย Bตอบ: 3, อ่าน: 2944

         ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะทำหนังสือเท่าไรเลยครับ ได้แต่นั่งดูข่าวน้ำท่วมทุกวันๆ วันนี้เลยตั้งใจว่าจะเขียนอะไรแปะลงเว็บบ้างดีกว่า จะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์หน่อย

         พอคิดว่าเขียนอะไรดี ก็มีประโยคแรกที่แวบขึ้นมาในใจ เป็นคำถามที่ผมมักจะได้รับอยู่เนืองๆ ครับ.. "คงชอบคิดเลข หรือมีความสุขกับการคิดเลข มากเลยใช่ไหม?"

         ขอตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ จากใจจริงเลยนะครับ ผมไม่ได้ชอบคิดเลขเลยสักนิดครับ! และจะคิดเท่าที่จำเป็นเท่านั้นด้วย (ฮา) น้องๆ ที่เคยเรียนจะรู้ดีว่าผมเป็นคนที่คิดเลขผิดอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่เวลาหารค่าข้าวกับเพื่อนก็คิดตามไม่ทันเขาประจำ (อันนี้ไม่ควรลอกเลียนแบบนะครับ)

         ซึ่งก็ต้องขอทำความเข้าใจกันก่อนว่า ประเด็นการคิดเลขเก่งนี้มันคนละเรื่องกับการสอนพิเศษและเขียนหนังสือคณิตศาสตร์นะครับ ในการสอน-การเขียนนั้น สิ่งสำคัญคือความเข้าใจในเบื้องหลังของมันอย่างทะลุปรุโปร่ง และอธิบายกลไกให้คนอื่นเห็นภาพตามได้อย่างง่ายๆ ต่างหากครับ ยิ่งถ้าแถมความเชื่อมโยงเข้าไปอีกอย่าง (ไม่ใช่สักแต่สอนไปตามที่เห็น ทื่อๆ ทีละบทๆ) รับรองไปรุ่งแน่นอน

         ไม่เฉพาะผู้สอนครับ ผู้เรียนก็ควรจะฝึกฝนไปในทิศทางนี้ด้วย ให้ได้สักครึ่งทางของผู้สอนก็ถือว่าแจ๋วแล้ว อย่าไปเรียนหรือไปสอนกันแบบทื่อๆ ใช้แต่ความถึก ความจำ แต่ไม่ใช้ความเฉลียวนะครับ แบบนั้นตายผ่อนส่งครับ! อยากบอกน้องๆ ว่า คนสอนดีๆ ไม่ได้หายากเลยครับ มีอยู่ทั่วไป แต่ปัญหาคือ คนที่เรากำลังเรียนด้วยน่ะ เรารู้ไหมว่าเขาสอนดีหรือเปล่า สอนถูกทางหรือเปล่า ถ้าเห็นแล้วว่าไม่ใช่ก็จงขยับปรับเปลี่ยนซะนะครับ

         เอ้ากลับมาคุยกับผู้สอนต่อดีกว่า ในความคิดส่วนตัวของผมเอง ผมอาจจะไม่รู้เบื้องหลังแบบปรุโปร่งทั้งหมด แต่ก็ต้องเกือบทั้งหมด, อาจจะอธิบายให้เข้าใจง่ายไม่ได้ครบทุกเรื่อง แต่ก็ต้องเกือบทุกเรื่อง, และอาจจะไม่เชื่อมโยงได้ครบทุกบท แต่ก็ต้องเกือบทุกบทครับ! เหล่านี้มันคือสิ่งจำเป็นครับ..

         แต่คุณครูหรือติวเตอร์ที่อ่านถึงตรงนี้ อย่าคิดจะถามผมนะว่าไอ้เบื้องหลังที่ว่านี่คืออะไรบ้าง การอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ต้องอธิบายยังไง และความเชื่่อมโยงแต่ละบทเป็นยังไง เพราะมันไม่มีคำตอบสำเร็จรูปครับ ไปถามจากใครก็ไร้ประโยชน์ถ้าปราศจากการสังเกตและทดลอง สร้างคำตอบของตัวเองขึ้นมาครับ

         ผมช่วยได้เต็มที่ก็คือทำหนังสือในแนวทางของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก เผื่อใครเห็นจุดดีตรงไหนจะได้นำไปขยายผลต่อเอาครับ (อ้อ! ไม่ใช่การก๊อปปี้เฉพาะสิ่งที่ผมเขียนไปพูดหรือสอนนะครับ ต้องเอาแนวทางที่เห็นว่าดีไปหาสิ่งใหม่ๆ เพิ่มด้วย)

         และอีกอย่าง อยากจะย้ำถึงเคล็ดลับข้อเดียวของผมสักหน่อยครับว่า "การทำงานแบบลวกๆ จะเป็นหนทางสู่ความเสื่อม" ผมเห็นมามากเลยครับ คนที่เอาใจใส่ ตั้งใจสอน แล้วไปได้ดีในอาชีพนี้ กับคนที่สอนชนิดหลอกกินตังค์นักเรียนไปวันๆ ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาความรู้ความเข้าใจของตัวเองเลย แล้วผลก็คือไม่มีวันได้เขยิบไปจากจุดเริ่มเดินสักก้าวเลยครับ เผลอๆ ล่มจมกว่าเดิมไปใหญ่

         พูดถึงเรื่องนี้ท่าจะยาวอีกแล้ว ฮ่าๆ ..ตัวอย่างที่ยกได้ชัดเจนมีอยู่สองคนสองแนวครับ คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนจบปริญญาตรีมาด้วยกัน สมมติชื่อนาย A นะครับ ส่วนอีกคนเป็นรุ่นน้องต่างคณะ สมมติว่าชื่อนาย B ..คนแรกนั้นถ้าว่ากันตั้งแต่สมัยเรียน ไม่มีใครจินตนาการออกเลยว่าจะมาเป็นครูสอนเลขได้ยังไง เพราะเรียนบ้างเล่นบ้าง เอาฮากันอย่างเดียว ตอนสอบก็ลอกผม เกรดก็ผ่านแบบเฉียดฉิว หน้าตาก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ปัจจุบันเขากลายเป็นครูพิเศษในโรงเรียนชื่อดังหลายแห่ง รายได้ต่อเดือนก็หลักหลายหมื่นจนบางเดือนก็หลักแสนไปแล้วครับ (มากกว่าผมเกือบ 10 เท่า) หลายปีมาแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปทำงานออฟฟิศอีกเลย

         และที่สำคัญกว่านั้น จากเป็นคนที่เคยมีความรู้กระท่อนกระแท่น อธิบายมั่วบ้าง ตกหล่นบ้าง แต่ผลจากความเอาใจใส่ในการสอนและพัฒนาตัวเอง ปัจจุบันนี้ถึงขั้นที่ผมไว้ใจส่งน้องให้เพื่อนคนนี้ติวเอ็นท์เรียบร้อยแล้วครับ ^ ^

         ถ้าถามว่านาย A คนนี้ไปได้ดีเพราะอะไร ในเมื่อตอนเรียนยังไม่มีแววสักนิด ผมคิดว่าจุดเปลี่ยนเริ่มจากวันที่ผมบอกให้เขาเลิกใช้ชีทของผมในการสอน แต่ให้ลองเรียบเรียงแนวทางของตัวเองขึ้นมา แล้วระหว่างเอามาใช้สอนก็ค่อยๆ ปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ.. ที่แนะนำแกมบังคับกันแบบนี้ มันมีอะไรมากกว่าแค่ได้มีชีทเป็นชื่อตัวเองนะครับ เพราะการทำเอกสารประกอบการสอนเองนั้น จะทำให้ความรู้ความเข้าใจของผู้สอนก้าวกระโดดอย่างน่าแปลกใจเลยล่ะครับ (แถมยังได้เอกสารที่ถูกใจเข้ากับแนวทางการสอนของเรา 100% ด้วย ทำให้การสอนสัมฤทธิ์ผลกว่าเดิม คนเรียนก็ชอบกว่าเดิม) ผมไม่ได้โมเมนะครับ เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมได้ผ่านมาเช่นกันตอนที่นั่งเขียนและปรับปรุงชีทอยู่หลายรอบ ซึ่งภายหลังชีทที่ผมทำนี้ก็กลายมาเป็น Math E-Book ที่ผู้อ่านได้เห็นนี่เอง

         ส่วนอีกคนคือนาย B ต้องบอกว่าสมัยนั้นอยู่ยังไงสมัยนี้ก็อยู่อย่างงั้นครับ ไม่มีคนเรียนยังไงก็ไม่มีอย่างงั้น เพราะอะไรเหรอครับ เวลาสอนก็ไม่เคยเตรียมตัว ไม่เคยทำชีทขึ้นมาเอง แต่ไปหาหนังสือมาถ่ายเอกสารแจก เท่านั้นไม่พอระหว่างสอนยังกางหนังสือพูดตามไปด้วยอีกต่างหาก แล้วช่วงทำโจทย์ถึงเวลาจะเฉลย ยังอุตส่าห์เปิดเฉลยท้ายบทลอกตามอีกนะ! (แบบนี้ให้น้องไปอ่านหนังสือเองดีกว่ามั้งเนี่ย) ..นี่เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ครับ อย่างที่ผมใช้คำว่าหลอกกินตังค์นักเรียนไปวันๆ ถ้าผมเป็นคนเรียนเห็นแบบนี้ก็คงขอเลิกตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ

         ผมเคยถามเขาว่า ทำไมไม่เตรียมชีทมาสอนเองบ้าง กางหนังสือแบบนี้ไม่ดีมั้ง เขาบอกว่าก็ตอนนี้มีคนเรียนแค่คนสองคนเอง จะนั่งทำให้เสียเวลาทำไม ไม่คุ้มตังค์เลย และอีกอย่างนะพี่ ทำเองยังไงก็ไม่ดีเท่าหนังสือหรอก! (ก็แปลกนะครับ ถ้าถามว่าอยากสอนได้ตังค์เยอะๆ ไหม ก็บอกว่าอยาก แต่พอบอกให้เอาใจใส่ในการสอนหน่อย ก็บอกไม่เอา ไม่ทำ) ..คุณผู้อ่านครับ นี่คือมุมมองของคนที่ไม่มีวันไปรุ่งครับ บางคนอ่านแล้วไม่เชื่อว่ามีคนแบบนี้อยู่จริงหรือ แต่เชื่อเถอะครับ เพราะกำลังมีผู้อ่านบางคนที่คิดในใจว่า เออ! นี่แหละตู เป๊ะเลย! ด้วยเช่นกัน (ฮา)

         ตอนที่ผมทำชีทขึ้นมาสอน ผมก็มีคนเรียนแค่ 2-3 คนนะครับ แต่ผมก็ลงมือนั่งเขียนและพิมพ์โดยไม่ยักจะมาบ่นว่าจะทำไปทำไม ผมคิดอย่างเดียวว่า ทำอะไรก็ทำให้มันดีหน่อย ให้สุดหน่อยละกัน อย่าทำลวกๆ หรือทิ้งๆ ขว้างๆ สอนแค่สองคนก็ต้องเอาให้ดี ไม่ได้คิดหรอกครับว่าวันหนึ่งผลงานเหล่านั้นจะกลายมาเป็นหนังสือวางขายในร้านได้จริง (แต่ที่มันขายได้ก็คงเพราะเราทำมันให้สุดไงครับ ของที่มันสุดก็ต้องมีคนเห็นแววบ้างแหละนะ) อีกอย่างนึงน้องเขาไว้ใจเอาชีวิตมาฝากไว้กับเรา ถ้าสอนไปแบบมั่วซั่ว-ไม่เตรียมตัว-ไม่ตั้งใจ เราอาจจะได้เงินมาใช้หลายพันบาทสบายๆ แต่อนาคตของน้องสองคนนี้จะเสียไปเลยนะครับ มันจะดีเหรอครับ!

         แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนแบบนาย B ไม่มีวันเข้าใจสิ่งที่ผมพูดจริงๆ อารมณ์เขาจะเป็นแบบว่า "มีสุดยอดหนังสือดีอยู่ในมือแล้ว เราไม่กลัวใครอีกแล้ว จะสอนใครก็ได้ทั่วปฐพี ฮ่าๆๆ" แต่มันเกี่ยวเหรอครับ ว่าถ้ามีหนังสือดีและพูดตามนั้นแล้วจะกลายเป็นคนที่สอนดี?

         และเนื่องจากผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรจากชีวิตของเขา ดังนั้นจึงแนะนำไปแค่ครั้งเดียว ถ้าเขาไม่เชื่อก็แล้วกันไป ไม่ได้พยายามพูดซ้ำอีก แต่ถ้าใครติดตามในเว็บบอร์ดและแฟนเพจอยู่บ้าง อาจจะเห็นว่าผมเคยพูดเรื่องทำนองนี้มาก็หลายครั้งเหลือเกิน (เรื่องการพัฒนาความรู้ความเข้าใจของคนสอน ซึ่งเริ่มได้ง่ายๆ โดยการทำเอกสารเอง) ทำไมผมต้องมาพูดแบบนี้บ่อยๆ ก็เพราะผมเสียดายโอกาสในการปรับปรุงตัวของคนสอนหลายๆ คนครับ ที่ยอมพูดซ้ำก็หวังว่าจะมีคนเก๊ตเหมือนนาย A ขึ้นมาบ้าง ได้แต่พูดออกอากาศหว่านๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ

         แต่น่าเศร้าที่ยังเห็นว่าส่วนมากก็ยังเป็นแบบนาย B กันอยู่ร่ำไป แล้วผมเองก็มีส่วนทำให้เขาเสียอีกต่างหาก ด้วยการเอา Math E-Book มาแจกให้ขโมยไปใช้สอนง่ายๆ // แม้แต่บางคนอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ยังคิดอยู่เลยว่า "เดี๋ยวตูก็เอา Math E-Book นี่แหละไปสอนต่อไป ฮ่าๆ เพราะตูไม่ได้คิดจะเอาดีทางด้านสอนเลขซะหน่อย!" ..ถ้าแบบนี้ผมก็จนปัญญาจะพูดจริงๆ ครับ เอาเป็นว่าคนที่คิดแบบนี้ถ้าไปทำงานอย่างอื่น ก็ขอให้มีสักงานที่ตั้งใจกับมันกว่านี้หน่อยนะครับ อย่าทำลวกๆ แบบนี้ทุกงานในชีวิตนะครับ

         ส่วนใครกำลังคิดอยู่ว่า "ที่คุณพูดก็ถูกนะ แต่แหม! ก็คุณเข้าใจวิชาหนิ คุณอธิบายเก่งหนิ ใครจะไปเขียนแล้วดีเหมือนคุณกันทุกคนเล่า" ผมก็ยังอยากยืนยันอีกครั้ง (ครั้งที่เท่าไรแล้วเนี่ย) ว่าผมไม่ต่างจากทุกคนครับ ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง เขียนไม่เก่ง แต่ผมก็ฝึกเขียนมาตลอดชีวิต ผมไม่ชอบคิดเลข แต่ผมก็ตั้งใจทำออกมาให้ดี เรียกว่าทำจนกระทั่งได้งานแบบที่เราอยากซื้ออ่ะครับ // ส่วนความเข้าใจและวิธีการอธิบายต่างๆ นั้น ผมได้มา 'หลังจากการเริ่มทำเอกสารเอง' (ย้ำ! ไม่ใช่คล่องแล้วจึงเขียนนะครับ แต่เขียนแล้วจึงคล่อง) และได้จากการสังเกตปฏิกิริยาของคนเรียน เอามาปรับปรุงงานครับ ดังนั้นถ้าคุณเริ่มใส่ใจตั้งแต่วันนี้ เราก็เดินมาทางเดียวกันแล้วครับ บทความนี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณเหมือนนาย A เพื่อนผมครับ ^ ^

         แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่ได้อะไรเลยจากบทความนี้ เป็นไปได้ 3 อย่างคือ คุณอ่านแบบเบลอๆ ง่วงๆ อันนี้ขอแนะนำให้มาอ่านใหม่ตอนสดชื่นนะครับ.. หรือคุณอาจเป็นคนที่รู้ทุกอย่างและทำทุกอย่างแล้ว เผลอๆ จะรู้มากกว่าผมด้วย อันนี้จะกลายเป็นผมต่างหากที่ต้องขอคำชี้แนะจากคุณครับ อิๆๆ.. หรือถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างแรก ผมว่านาย B มีเพื่อนไว้คอยปรับทุกข์เพิ่มอีกคนแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ

         ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ ทีแรกคิดว่าจะเขียนเกี่ยวกับโจทย์ปัญหาข้อนึงก็เลยไม่ได้เขียนกัน คงต้องมาเขียนตอนต่อไปซะแล้วววว


         ป.ล. เขียนจบปุ๊บก็นึกอะไรขึ้นมาได้.. อย่าถามนะครับว่าผมมัวมานั่งเขียนยาวๆ แบบนี้ไปทำไม.. ก็อย่างที่บอกล่ะ คิดแล้วว่ามันดีก็ทำไปให้สุดครับ จะไปคิดเรื่องความคุ้มไม่คุ้มก็ผิดทางแล้ว! ^ ^
นวย 14/10/54 22:11 
น้ำท่วมมันดีงี้นี่เอง +_+
Shauฯ(6)  25/10/54 11:29  [ 1 ] 
ฮ่าๆๆ แต่ตอนนี้ชักท่วมหนักละ เลยเขียนไม่ออกมาหลายวัน ^ ^
นวย 26/10/54 17:13  [ 2 ] 
อัปเดต เรื่องแบบนี้ยังมี "ภาคต่อ" อีกหลายครั้งในเพจ ด้วยวิธีเล่าต่างๆกันไปครับ เช่น
1. 25/9/2013 .. อย่าก๊อปงานผมเลยครับ เพราะชีวิตคุณจะแย่เอง
2. 29/1/2015 .. สเตตัสนี้ตั้งเพื่อด่าติวเตอร์และครูกากๆ โดยเฉพาะครับ

ปัจจุบันหลังจากโดนก๊อปมาจนหน่าย ผมได้ตัดสินใจเปิดกลุ่ม MathHubb Premium
เพื่อให้คุณครู ติวเตอร์ ฝ่ายดี ที่ต้องการงานทั้งหมดของผมไปประกอบการสอน
ได้มีช่องทางชำระค่าลิขสิทธิ์อย่างถูกกฎหมายครับ (รายละเอียด+สิทธิพิเศษ อ่านได้ที่นี่)
ถือว่าเป็นเงินช่วยสนับสนุนการทำงานของผมต่อไปก็แล้วกันนะครับ มันจำเป็นมากกก

แต่ยังยืนยันตามที่เขียนนะครับ ไม่ได้เปิดกลุ่มมาสปอยล์จนไม่ต้องทำอะไรเองแต่อย่างใด
อันนี้เท่าที่เคยคุยกัน สมาชิกทุกท่านก็คงเข้าใจและไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว 555
นวย 31/03/60 22:42  [ 3 ] 
วิธีพิมพ์สมการดูได้ที่กระทู้ 0072 ครับ      
แปะรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสส่วนตัว กรุณาใส่เลขหน้า "ความน่าจะเป็น" ใน Math E-Book .. หรือตั้งรหัสได้ ที่นี่

ทดลองพิมพ์สมการ